คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
จริงๆครอบครัวจขกท.คล้ายๆครอบครัวเรา พ่อกับแม่จะค่อนข้างหวงและเข้มงวด ด้วยเพราะเราเป็นลูกสาวคนโตด้วย พ่อเลยค่อนข้างหวงมาก แม่กับพ่อไม่ยอมให้เราไปนอนค้างคืนนอกบ้านที่ไหน จนเรียนจบทำงานแล้ว ถึงมียอมบ้าง พ่อขับรถส่งเราไปเรียนจนถึงมหาวิทยาลัยปี 4 เทอม 1 พอเทอม 2 ถึงยอมให้เราขับรถไปเอง ยังดีว่าเค้าให้อิสระเราเวลากลับบ้าน
เรื่องแฟนไม่ต้องพูดถึง พ่อเราบอกเลยว่าห้ามมีแฟนจนกว่าจะเรียนจบ เพื่อนผู้ชายโทรเข้าบ้านมา ถ้าพ่อเรารับโดนถามทุกคนว่าโทรมาทำไมมีธุระอะไร แต่เราว่ามันไม่ใช่เรื่องดีเลย มันทำให้เราต้องคบแฟนเราที่เป็นสามีเราคนปัจจุบันนี่แหล่ะ แบบหลบๆซ่อนๆแอบๆตั้งแต่เราเรียนม.5 คบแบบปิดๆบังๆมาตลอด ในตอนนั้นเราคิดว่าว่าเราหลบได้ แต่เรามารู้ทีหลังว่าแม่เรารู้มาตลอดแต่แม่เราไม่พูด แต่พ่อไม่รู้จริงๆค่ะ โชคดีว่าสามีเราเป็นคนดี เราเลยไม่ได้ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง
เราพึ่งจะพาแฟนเรามาเจอหน้าพ่อ ตอนเรารับปริญญา แรกๆพ่อเค้าก็ปั้นปึ่ง พูดทำนองว่าคิดดีแล้วเหรอจะคบคนนี้ ไม่มองคนอื่นบ้างเหรอ เหมือนเค้าไม่พยายามยอมรับ แต่แฟนเราเค้่าก็พยายามเข้าหาตลอด มาส่งเราก็เข้าบ้านมานั่งคุยกับพ่อทุกครั้ง เราพาแฟนเข้าบ้านตอนเรา 22 กว่าจะกล้าบอกพ่อแม่ว่าจะแต่งงานคือ ตอน 26 ตอนนั้นเราไม่กล้าบอกพ่อเลย เพราะกลัวเค้าไ่ม่ให้ เราเลยบอกแม่ให้บอกพ่อหน่อย เรากลัว แล้วเมื่อแม่บอกพ่อ มันไม่เป็นอย่างที่เราคิดเลย พ่อดีใจมาก รีบบอกญาติเลยว่าเราจะแต่งงานแล้ว พ่อเราบอกกับแม่สามีเราว่าเค้ารักแฟนเราเหมือนเป็นลูกชายอีกคนนึงเลย (เพราะบ้านเราไม่มีลูกชายมีแต่ลูกสาว 3 คน) ลูกแต่งงานเค้าไม่ได้เสียลูกสาวไป แต่เค้าได้ลููกชายเพื่มมาอีก 1 คน
กลับมาที่เรื่องของคุณบ้าง เราว่าแฟนคุณต้องพยายามเข้าหาพ่อแม่คุณให้มากกว่านี้นะคะ อย่าพึ่งรีบให้ผู้ใหญ่มาคุยเลย ให้เวลาพ่อแม่คุณได้ศึกษานิสัยใจคอว่าที่ลูกเขยบ้างว่าเค้าไว้ใจให้ดูแลลูกสาวเค้าได้ไหม ถ้าแฟนคุณพิสูจน์ได้ เรื่องแต่งงานก็ไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาตอนนี้คือแฟนคุณไม่ได้เข้าหาพ่อแม่เลย คุณเคยพาเข้ามาคุยทำความรู้จักสนิทสนมกับที่บ้านนานแค่ไหนคะ ทำความรู้จักไม่ใช่แป๊บๆนะคะ แต่ต้องให้เวลาพ่อคุณได้ทำความคุ้นเคยกับแฟนคุณด้วย ท่านจะได้เปิดใจรับแฟนคุณได้ แล้วถ้าเค้ารับได้ มันก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้วค่ะ
***ยังไงเราขออนุญาตแก้คำที่คุณเขียนหน่อยนะคะ พอดีอ่านแล้วมันสะดุดจริงๆค่ะ "ม๋า" ที่คุณเขียนมันออกเสียงเท่ากับ หมา นะคะ ถ้าจะให้เขียนแล้วออกเสียงตรงที่สุด จะเป็น "หม่าม้า" นะคะ
เรื่องแฟนไม่ต้องพูดถึง พ่อเราบอกเลยว่าห้ามมีแฟนจนกว่าจะเรียนจบ เพื่อนผู้ชายโทรเข้าบ้านมา ถ้าพ่อเรารับโดนถามทุกคนว่าโทรมาทำไมมีธุระอะไร แต่เราว่ามันไม่ใช่เรื่องดีเลย มันทำให้เราต้องคบแฟนเราที่เป็นสามีเราคนปัจจุบันนี่แหล่ะ แบบหลบๆซ่อนๆแอบๆตั้งแต่เราเรียนม.5 คบแบบปิดๆบังๆมาตลอด ในตอนนั้นเราคิดว่าว่าเราหลบได้ แต่เรามารู้ทีหลังว่าแม่เรารู้มาตลอดแต่แม่เราไม่พูด แต่พ่อไม่รู้จริงๆค่ะ โชคดีว่าสามีเราเป็นคนดี เราเลยไม่ได้ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง
เราพึ่งจะพาแฟนเรามาเจอหน้าพ่อ ตอนเรารับปริญญา แรกๆพ่อเค้าก็ปั้นปึ่ง พูดทำนองว่าคิดดีแล้วเหรอจะคบคนนี้ ไม่มองคนอื่นบ้างเหรอ เหมือนเค้าไม่พยายามยอมรับ แต่แฟนเราเค้่าก็พยายามเข้าหาตลอด มาส่งเราก็เข้าบ้านมานั่งคุยกับพ่อทุกครั้ง เราพาแฟนเข้าบ้านตอนเรา 22 กว่าจะกล้าบอกพ่อแม่ว่าจะแต่งงานคือ ตอน 26 ตอนนั้นเราไม่กล้าบอกพ่อเลย เพราะกลัวเค้าไ่ม่ให้ เราเลยบอกแม่ให้บอกพ่อหน่อย เรากลัว แล้วเมื่อแม่บอกพ่อ มันไม่เป็นอย่างที่เราคิดเลย พ่อดีใจมาก รีบบอกญาติเลยว่าเราจะแต่งงานแล้ว พ่อเราบอกกับแม่สามีเราว่าเค้ารักแฟนเราเหมือนเป็นลูกชายอีกคนนึงเลย (เพราะบ้านเราไม่มีลูกชายมีแต่ลูกสาว 3 คน) ลูกแต่งงานเค้าไม่ได้เสียลูกสาวไป แต่เค้าได้ลููกชายเพื่มมาอีก 1 คน
กลับมาที่เรื่องของคุณบ้าง เราว่าแฟนคุณต้องพยายามเข้าหาพ่อแม่คุณให้มากกว่านี้นะคะ อย่าพึ่งรีบให้ผู้ใหญ่มาคุยเลย ให้เวลาพ่อแม่คุณได้ศึกษานิสัยใจคอว่าที่ลูกเขยบ้างว่าเค้าไว้ใจให้ดูแลลูกสาวเค้าได้ไหม ถ้าแฟนคุณพิสูจน์ได้ เรื่องแต่งงานก็ไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาตอนนี้คือแฟนคุณไม่ได้เข้าหาพ่อแม่เลย คุณเคยพาเข้ามาคุยทำความรู้จักสนิทสนมกับที่บ้านนานแค่ไหนคะ ทำความรู้จักไม่ใช่แป๊บๆนะคะ แต่ต้องให้เวลาพ่อคุณได้ทำความคุ้นเคยกับแฟนคุณด้วย ท่านจะได้เปิดใจรับแฟนคุณได้ แล้วถ้าเค้ารับได้ มันก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้วค่ะ
***ยังไงเราขออนุญาตแก้คำที่คุณเขียนหน่อยนะคะ พอดีอ่านแล้วมันสะดุดจริงๆค่ะ "ม๋า" ที่คุณเขียนมันออกเสียงเท่ากับ หมา นะคะ ถ้าจะให้เขียนแล้วออกเสียงตรงที่สุด จะเป็น "หม่าม้า" นะคะ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
ปัญหาครอบครัว
ครอบครัว
คุณจะจัดการกับความรักครั้งนี้อย่างไร
สวัสดีคะ เรามีเรื่องะปรึกษาเพื่อนๆชาวพันทิปคะ
เรื่ิองของเราก็มีอยู่ว่า เรากับแฟนคบกันมาได้สักระยะแล้วคะ
แฟนเราเค้าทำธุรกิจส่วนตัวเกี่ยวกับไม้ และกำลังจะเปิดร้านขายวัศดุก่อสร้าง
หน้าที่การงานมั่นคงคะ ส่วนเราทำร้านกาแฟคะ
แฟนเราเค้ามีแพลนจะบวช 20 กค นี้ และหลังจากบวชเขาอยากแต่งงานเลย
ทุกอย่างดูลงตัวใช่ไหมคะ แต่ปัญหาอยู่ที่ครอบครัวเราคะ ม๋าเราเป็นคนจีน ม๋าเลยอยากให้เรามีแฟนเป็นลูกหลานชาวจีน
ส่วนป๋าเราเป็นคนไทยแท้คะ แต่ป๋าเราหวงเรามาก จะเป็นที่รู้กันในกลุ่มเพื่อนๆว่าป๋าหวงเรายิ่งกว่าจงอางหวงไข่
เราไม่เคยได้รับอนุญาติให้นอนบ้านเพื่อนหรือนอนนอกบ้านเลยตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน
ตอนเด็กๆ ป๋าเคยบอกเราว่าอย่ารีบมีแฟนเลย รอให้จบม.6 ก่อน พอเราจบม.6 ป๋าก็บอกเราว่ารอให้จบมหาลัยก่อน
พอเราจบมหาลัยป๋าเราก็บอกว่ารอให้ทำงานก่อน ป๋าเราเขาจะบอกเราอย่างนี้เรื่อยมา
เราเรียนจบปริญญา และทำงานที่ตปทอีก 2 ปี เพื่อเก็บเงินมาทำธุรกิจส่วนตัว จนวันที่เราตัดสินใจกลับมาทำงานที่บ้าน
เราอยากกลับมาดูแลป๋ากับม๋า เพราะตั้งแต่เด็กเราก็เรียนในตัวเมือง อยู่หอตลอด เราแทบไม่มีเวลาได้ดูแลท่านเลย
พอเราตัดสินใจย้ายกลับมา ทุกอย่างที่เราวางแผนไว้กลับผิดคาด ประตูกรงทองค่อยๆปิดและขังเรา
เราไม่สามารถออกจากบ้านได้นานเกิน 5 ชม ป๋าหรือม๋าจะคอยโทรตามเราตลอด จะไปไหนมาไหนป๋าจะเป็นสารถีคอยไปรับ-ส่ง
2 ทุ่มเราต้องถึงบ้านและอยู่บ้าน เรากับแฟนแทบจะไม่มีโอกาสได้เจอกันเลย หากเราจะเจอกับเขา เราจะนัดกันที่ห้างสรรพสินค้า
ซึ่งเขาจะเสร็จงานประมาณ 18.30 เขาต้องรีบขับรถมาหาเรา ระยะมางจากที่ทำงานเขามาถึงบ้านเราประมาณ 30 กิโลเมตร
เรามักจะเจอกันที่ร้านกาแฟ เราจะบอกให้ป๋าพาเรามาส่งที่ห้างสรรพสินค้าและพอเสร็จธุระจะโทรบอก ป๋าจะมารับ
อยู่มาวันหนึ่งแฟนเราบอกว่าเขาพร้อมแล้ว ที่จะมาดูแลเรา เขาจะให้ผู้ใหญ่มาทาบทาม เขาอยากบอกให้ครอบครัวเรารู้
ว่าเราสองคนคบกัน แต่ก็ไม่ได้จะรีบแต่งงาน เขาให้เพื่อนของพี่ชายเขาซึ่งเป็นเพื่อนกับป๋ามาทาบทามเราแล้ว
แต่ป๋าไม่พูดไม่ตอบเงียบอย่างเดียว ครอบครัวแฟนเราก็เลยคิดว่าจะมาคุยและหมั้นหมายเราไว้
แต่คงจะไม่มีพิธีีรีตรองอะไรมากมาย แฟนบอกว่าจะพาแม่มาคุยกับป๋าม๋า และเอาแหวนมาขอหมั้นไว้
เพราะเขากำลังจะสร้างร้านขายวัศดุก่อสร้าง ซึ่งระหว่างสร้างร้านเขาอาจจะบวชอยู่เลยอยากให้เราช่วยไปดูบ้างเล็กๆ้น้อยๆ
และที่สำคัญเขาบอกว่าเขาไม่อยากต้องแอบเจอเราเหมือนกับว่าเราทำอะไรผิด เขากลัวว่าัวันที่เขาบวชเราจะไม่ได้ไป
แต่ตอนนี้เราไม่รู้ว่าเราควระทำอย่างไรดี ดูท่าทีป๋ากับม๋าก็ไม่ออก เราอยากขขอคำปรึกษาจากเพื่อนๆหน่อยคะ
เราควรจะทำอย่างไรดีคะ